ได้ยินข่าวว่าที่ Ngong Ping เค้ามีกระเช้ารูปแบบใหม่ เป็นกระเช้าพื้นกระจกที่เค้าเรียกกันว่า
Ngong Ping Crystal Cabin ออกใหม่
แหม … เราจะไม่ไปลองได้ไงค่ะ
ด้วยความที่ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะมีความกล้าไปพิชิตกระเช้าพื้นกระจกที่ว่านี้ได้หรือเปล่า ก็เลยไม่ค่อยจะกล้าบอกใคร ๆ แต่ว่า … ไม่ไปเองแล้วเราจะรีวิวได้ไงล่ะ … เอ้า ขึ้นก็ขึ้น
ดูวิธีการเดินทางได้จากรีวิวเดิมที่นี่เลยค่ะ : https://www.hongkongfanclub.com/ngong-ping-360-2/
ระหว่างทางขึ้นไปซื้อตั๋วก็จะมีป้ายโปรโมทกระเช้าแบบใหม่นี้ตลอดทาง
มาดูราคากันหน่อย จะแพงกว่ากระเช้าธรรมดาอีกคนละประมาณ HK$50 เหรียญค่ะ
จ่ายตังค์แล้วเค้าก็จะให้เอกสารเรามาพร้อมกับบัตรผ่านประตูและสายรัดข้อมือค่ะ เราต้องใส่แล้วโชว์ให้เจ้าหน้าที่ดูว่าเราไปแบบ Crystal Cabin น่ะจ๊ะ
ใครอยากเหมาทั้งกระเช้าเลยก็เชิญได้เลยนะค่ะ (Private Cabin) ราคาตามนี้เลยค่ะ
พอดีว่าวันนั้นเราโชคดี คนน้อย จ่ายตังค์แบบปกติไป แต่เราก็ได้นั่งทั้งกระเช้าไปกัน 2 คนค่ะ
ไปเข้าคิวกันดีกว่า … เค้าจะมีช่องพิเศษสำหรับคนที่ขึ้น Crystal Cabin ค่ะ เราก็ยืนรอกันเลย พอดีข้างหน้ามีฝรั่งมาด้วยกัน 6 คน เราก็ก็เลยแกล้งถอยออกมาห่าง ๆ แกล้งดูโน่นดูนี่ ถ่ายรูปบ้าง จนพวกเค้าขึ้นไป … ทีนี้กระเช้าต่อไปก็จะมีแค่เรา 2 คน D Laughing ความคิดดีไม๊ค่ะ
กระเช้าแบบพื้นใสจะมาสลับกับกระเช้าธรรมดาน่าจะประมาณ 1:8 ค่ะ เพราะฉะนั้นถ้ามีคนนั่งแบบ Crystal เยอะ ๆ ก็คงจะต้องรอคิวกันนานกว่ากระเช้าธรรมดามากเลยหละ
และแล้วกระเช้าที่เรารอคอยก็มาถึงคิวเราแล้ว สีสันสดใสสะท้อนแสงด้วยยย
ได้นั่งแล้ว … ตื่นเต้นพอสมควรค่ะ นี่คือภาพแรก ๆ ที่ถ่ายกัน ตอนนั้นยังไม่กล้าลงไปนั่งที่พื้นเลยค่ะ เลยต้องอาศัยหามุมถ่ายให้เห็นพื้นเอาค่ะ
ลุงเด้งก็เหมือนกัน
นั่งดูวิวให้เพลินใจกันซักนิด
ซักพักคราวนี้ก็เริ่มปีนป่าย … ทั้งกระเช้าไม่มีใคร เต็มที่ไปเลย จะว่าไปก็ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดน่ะค่ะ เพราะว่าตรงกลางของกระจกเค้าจะมีเหล็กแกนกลางด้วยค่ะ … ถ้าไม่มีคงจะหวาดเสียวกว่านี้เยอะเลย
ภาพนี้ลุงเด้งยืนบนที่นั่งถ่ายจากมุมสูงให้เห็นพื้นกระจก
อีกซักพัก เราก็เลื้อยลงไปที่พื้นได้สำเร็จ
อีกซักพักเมื่อความกลัวหายไป เราก็เริ่มเดินไปเดินมา ปีนป่ายถ่ายรูปกันสนุกไปเลยค่ะ ดูลีลาลุงเด้งนะคะ
ถ้ามีคนอื่นนั่งมาด้วยคงทำไม่ได้
นั่งพักดูวิวซักหน่อย
ด้วยความชำนาญจึงไม่ลืมที่จะแอ็กชั่นถ่ายภาพกับเจ้าลิงตอนกระเช้าใกล้ถึงที่ Ngong Ping ด้วยค่ะ
ถึงแล้ว …
ไปดูรูปที่เราให้เจ้าลิงถ่ายไว้เมื่อกี้ดีกว่า … ผลงานแบบนี้เลยค่ะ
ป้าไก่ไม่อยากเอา แต่ลุงเด้งบอกว่าอยากได้ … เลยตัองตัดใจซื้อไป เอาแบบให้ส่ง e-mail ให้เราอย่างเดียว ราคา HK$88 เหรียญค่ะ
จ่ายตังค์เสร็จเค้าก็ให้เราไปกด e-mail address ที่หน้าจอเองเลย ให้ใส่ได้ 2 ชื่อค่ะ
ที่บริเวณ Ngong Ping Village เค้ามีงาน Food Festival ค่ะ
มีอาหารหลายประเภทค่ะ Western, ญี่ปุ่น, จีน, อินเดีย และไทยของเราด้วย
ราคาอาหารเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ HK$30 เหรียญค่ะ
แต่เราเดินผ่านมาทานอาหารร้านนี้กันค่ะ ตามไปดูรีวิวลุงเด้งได้เลย
Zen Taiwanese Bistro ใน Ngong Ping Village ร้านนี้ถูกที่สุดแล้ว: https://www.hongkongfanclub.com/zen-taiwanese-bistro/
มีการก่อสร้างเพิ่มเติม กว่าจะเสร็จโน่นเลย 28/02/2010
มา Ngong Ping ก็หลายครั้งแล้วไม่เคยเดินไป Wisdom Path เลย … คราวนี้ตั้งใจจะต้องเดินไปให้ได้ เห็นเพื่อน ๆ รีวิวกันมาสวยดี
ทริปนี้เราเลยไม่เดินขึ้นไปที่พระองค์ใหญ่ กราบท่านที่ปลายบันไดนั่นแหละ แล้วก็เดินเลยไปก็จะเห็นป้ายตามรูป … เริ่มกันเลยก็แล้วกัน
ป้ายบอกทาง
เดินผ่านมาได้ประมาณ 5 นาทีก็เจอร้านอาหารนี้ตัดกำลังก่อนเลยค่ะ … แต่ว่าเราไม่หลงกล แวะถ่ายรูปเฉย ๆ
บริเวณนี้เค้าจะปลูกต้นชากันเต็มไปหมดเลย พร้อมกับหุ่นไล่กา (หรือเปล่า) น่ารักดี
จ๊ะเอ๋!!!
จากนั้นเดินต่อไปเจอหมาน้อย (หน้าเหมือนสิงโต) คอยต้อนรับเราอยู่
จากร้านอาหารที่ผ่านมาจะต้องเดินไปอีกประมาณ 10 นาทีถึงจะถึง Wisdom Path ค่ะ ระหว่างทางจะปกคลุมด้วยต้นไม้ และต้นชาอยู่เต็มสองข้างทาง บรรยากาศและอากาศดีมาก ๆ เลยค่ะ มีทางขึ้นเขาชันบ้างสลับกันไปเล็กน้อย อากาศดีสุด ๆ เลยค่ะ
หนทางอีกยาวไกล …
10 นาทีผ่านไปเราก็มาถึงจุดหมายของเราซะที แต่เห็นมีป้ายบอกให้เราเดินป่าต่อ
สงสัยต้องขอตัวแล้วหละ
ด้านขวามือของเราก็จะเป็น Wisdom Path ค่ะ ที่นี่เป็นที่ตั้งของเสาไม้จำนวนทั้งสิ้น 38 ต้น โดยทั้งหมดเรียงกันเป็นเลข 8 บ้างก็บอกว่าเป็นเหมือนสัญญาลักษณ์ Infinity แต่ละแผ่นไม้นี้ก็จะสลักปรัชญาจีนต่าง ๆ ไว้ด้วย
ส่วนน้อยที่คนจะเดินมาค่ะ เพราะฉะนั้นเราก็ถ่ายรูปกันได้สบายเลย
เสียดายที่ไม่มีป้ายภาษาอังกฤษกำกับซักหน่อย เราคงจะรู้ความหมายของปรัญชาเหล่านี้บ้าง
เห็นมีกลุ่มคนจีนผ่านมาเค้าอ่านออกเสียงทำให้เราได้ยินไปด้วย เพราะดีเหมือนกัน แต่ไม่รู้แปลว่าอะไร
ลองปีนขึ้นไปบนที่สูง ก็จะพอมองเห็นเป็นเลข 8 เหมือนกัน
ใครแปลได้ช่วยชี้แนะด้วยค่ะ
มีเสาอยู่อีก 1 ต้นที่ไม่มีตัวอักษรอะไรเลย คงจะให้เติมลงไปกันเอง
บริเวณนี้มีลมเย็น ๆ ทำให้ไม่อยากเดินกลับเลย
เมื่อได้เวลาพอสมควรก็ถึงแก่เวลาเดินทางกลับกันซะที